Experiment,The
หนังตีแผ่นิสัยชอบใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาของพวกมนุษย์
จากผู้สร้างซีรี่ส์แหกคุก Prison Break
“คุกสมมุติ” ที่ถูกใช้สถานที่ทดลอง 2 สัปดาห์ของคน 2 กลุ่ม กลุ่มนักโทษ และ กลุ่มผู้คุม
……คนเราจะหน้าตาอัปลักษณ์ที่สุดตอนบ้าอำนาจ
….คุณยังคิดว่ามนุษย์มีวิวัฒนาการมากกว่าพวกลิงอยู่รึเปล่า
The Experiment หนังรีเมคจากเรื่อง Das Experiment ของเยอรมัน ที่สร้างตั้งแต่ปี 2001 นู้น มาคราวนี้ ได้ Adrien Brody มารับบทเป็นนักโทษเถื่อนดิบลายสักเต็มตัว
Das Experiment หรือ The Experiment คือหนังที่นำเค้าโครงมาจาก 1 ใน 10 การทดลองที่น่ากลัวที่สุดที่ใช้มนุษย์เป็นหนูทดลอง มันคือการทดลองทางจิตวิทยาในปี 1971 ที่เรียกว่า Stanford Prison Experiment เพื่อศึกษาการตอบสนองของมนุษย์ โดยมีนักจิตวิทยา ฟิลิป ซิมบาโด (Philip Zimbardo) ของมหาลัยสแตนฟอร์ดเป็นผู้ทำการทดลอง ….รู้หรือไม่ว่า การทดลองนี้ทำในชั้นใต้ดินของมหาวิทยาลัย แต่เมื่อการทดลองดำเนินไปเพียง 6 วัน ทุกคนเริ่มอินกับบทบาทสมมุตินี้อย่างเกินขอบเขต …1 ใน 3 ผู้คุมสมมุติ ได้กลายเป็นคนชอบความโหดร้ายทารุณไปตลอดกาล
Travis (แอเดรียน โบรดี้) ตกงานถังแตก อ่านเจอประกาศรับอาสาสมัครชาย 26 คนเพื่อทำการทดลองวิจัย เป็นเวลา 11 วัน โดยมีค่าจ้าง วันละ 1000 ดอลล่าร์ เขารับจ็อบนี้ทันที แม้จะไม่รู้ว่ามันคืองานวิจัยอะไร
รถบัสมารับอาสาสมัครทั้งหมดไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ปิดมิดชิด ที่นั่น Travis ได้รู้จักกับ เพื่อนอาสาสมัครที่เป็นมิตรและพูดคุยถูกคอกันตลอดเส้นทางอย่าง ชื่อ Barris ( Forest Whitaker) แม้ทั้งสองคนจะรู้แล้วว่าถูกจัดให้อยู่คนละกลุ่ม Travisถูกเลือกให้เป็นหัวหน้านักโทษ ส่วน Barris ถูกเลือกให้เป็น หัวหน้าผู้คุม อาสาสมัครได้รับทราบกฏหลักคือ ห้ามใช้ความรุนแรง หากใครละเมิดกฏ คนนั้นจะถูกตัดสิทธิืออกจากการทดลองโดยไม่ได้รับเงินแม้แต่แดงเดียว ภายใต้อำนาจที่ถูกยัดเยียดให้ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ภายใต้ความอับอายที่ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี จนลืมแยกแยะว่าอะไรเรื่องจริงอะไรเรื่องสมมุติ
หนังอยากบอกให้คุณรู้ว่า เมื่อมีคนให้อำนาจกับคุณ คุณมั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่ใช้มัน ตอนนี้อาจพูดได้ว่าไม่ แต่ถ้าวันหนึ่งที่คุณมีมันในมือ คำตอบจะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่รึเปล่า ?…ชีวิตนี้ใครไม่เคยใช้เส้นสายขอให้ยกมือขึ้นนน
หนังก็ให้แง่คิดดีตามเนื้อเรื่องดั้งเดิม แต่ความรู้สึกส่วนตัวของเรา รู้สึกว่าต้นฉบับของเยอรมันทำรายละเอียดปลีกย่อยได้ดีกว่า แถมยังพาคนดูกดดันไปถึงจุดพีคของหนังมากกว่า …..คุณคิดว่างั้นไหมล่ะ?
Pattrawadee Tanaluk
<Published : jun 28, 2012
<